อาการปวดบริเวณกระดูกสันหลังส่วนล่าง หรือที่เรียกกันว่า “ปวดสลักเพชร” หรือ “สลักเพชรจม” เป็นภาวะที่หลายคนเคยเผชิญ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องยกของหนัก หรืออยู่ในท่านั่งนาน ๆ เป็นเวลานาน บริเวณสลักเพชรคือจุดที่กระดูกเชิงกรานเชื่อมต่อกับกระดูกสันหลัง หากเกิดการกดทับหรือเคลื่อนที่ของกระดูกในจุดนี้ จะส่งผลให้เกิดอาการปวดเรื้อรังหรือปวดอย่างเฉียบพลัน ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวและคุณภาพชีวิตของผู้ที่ประสบปัญหา
อาการปวด สลักเพชรเป็นอาการที่เกิดจากการผิดปกติบริเวณกระดูกข้อต่อสะโพก (Sacroiliac Joint) ซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมระหว่างกระดูกสันหลังและกระดูกเชิงกราน การเคลื่อนตัวผิดตำแหน่งหรือการเกิดการอักเสบในข้อต่อนี้อาจทำให้เกิดอาการปวดรุนแรงที่บริเวณสันหลังส่วนล่าง โดยอาการปวดสลักเพชรจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน บางคนอาจรู้สึกปวดเฉพาะในจุดเดียว แต่บางรายอาจรู้สึกปวดลามไปถึงสะโพก ก้น หรือแม้กระทั่งขา
อาการปวดที่เกี่ยวข้องกับสลักเพชรมักมีลักษณะดังนี้
- ปวดบริเวณสะโพกหรือก้น โดยเฉพาะบริเวณสันหลังส่วนล่างด้านใดด้านหนึ่ง
- ปวดลามลงไปที่ขาหรือขาหนีบ คล้ายกับการปวดเส้นประสาท
- อาการเจ็บหรือปวดเมื่อขยับตัว เช่น การยืน การนั่ง การบิดเอว หรือการลุกยืนหลังจากนั่งนาน
- ปวดมากขึ้นเมื่ออยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนาน ๆ เช่น การนั่งหรือยืนในท่าเดิมเป็นเวลานาน
สาเหตุที่ทำให้ปวดสลักเพชร
อาการปวด สลักเพชรอาจเกิดจากหลายสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ข้อต่อสะโพกบริเวณนี้เกิดการอักเสบหรือเคลื่อนที่ผิดปกติ สาเหตุสำคัญได้แก่
-
การใช้งานร่างกายที่ไม่เหมาะสม
การทำงานที่ต้องการการยกของหนัก การนั่งหรือยืนในท่าเดิมเป็นเวลานาน เช่น การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ หรือการก้มยกของหนักโดยไม่ใช้เทคนิคที่ถูกต้อง
-
ภาวะอุบัติเหตุและการบาดเจ็บ
อุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการกระแทกหรือการบิดตัวของร่างกาย อาจทำให้ข้อต่อบริเวณสลักเพชรได้รับแรงกดมากเกินไป เกิดการเคลื่อนที่ผิดตำแหน่งหรือลักษณะบาดเจ็บที่ส่งผลให้เกิดการอักเสบ
-
ความเสื่อมของข้อต่อ
ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาข้อต่อเสื่อม อาจมีความเสื่อมบริเวณข้อต่อสะโพกและกระดูกสันหลังซึ่งเป็นสาเหตุให้กระดูกสลักเพชรขยับผิดที่หรืออักเสบ
-
การตั้งครรภ์
ในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายของผู้หญิงจะหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้ข้อต่อผ่อนคลายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด ฮอร์โมนนี้สามารถทำให้ข้อต่อสลักเพชรอ่อนตัวและเคลื่อนได้ง่ายขึ้น จนเกิดอาการปวด
-
การติดเชื้อในข้อต่อสะโพก
การติดเชื้อในบริเวณข้อต่อสะโพก เช่น เชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสที่กระทบข้อต่อโดยตรง อาจทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง
การรักษาอาการปวดสลักเพชรหรือสลักเพชรจม
การรักษาอาการปวดสลักเพชรมีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและสาเหตุที่เป็นต้นเหตุของการปวด ดังนี้
-
การพักผ่อนและการจัดท่าทางที่เหมาะสม
หากมีอาการปวดเล็กน้อย ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้ปวดมากขึ้น เช่น การยกของหนัก หรือการนั่งในท่าที่กดทับข้อต่อสลักเพชร การจัดท่าทางในการนั่งและการยืนให้ถูกต้องจะช่วยลดแรงกดที่ข้อต่อและบรรเทาอาการปวดได้
-
การใช้แผ่นประคบเย็นหรือร้อน
การประคบเย็นช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดในระยะแรก และการประคบร้อนสามารถช่วยให้กล้ามเนื้อรอบข้อต่อผ่อนคลายและลดความตึงเครียดของข้อต่อ
-
การทำกายภาพบำบัด (Physical Therapy)
การบริหารกล้ามเนื้อรอบข้อต่อสลักเพชรจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อที่สนับสนุนข้อต่อ ทำให้ข้อต่อไม่เคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง ท่ากายภาพบำบัดที่ใช้ในกรณีนี้จะมุ่งเน้นไปที่กล้ามเนื้อสะโพก หน้าท้อง และหลังล่าง
-
การใช้ยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบ
ยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบแบบไม่มีสเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน หรือยาในกลุ่มพาราเซตามอล อาจช่วยบรรเทาอาการปวดชั่วคราว
-
การฉีดยาลดการอักเสบ (Steroid Injection)
ในกรณีที่อาการปวดรุนแรงและยากต่อการบรรเทาด้วยวิธีทั่วไป แพทย์อาจพิจารณาการฉีด
ยาสเตียรอยด์เข้าสู่ข้อต่อเพื่อช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด
-
การผ่าตัดในกรณีที่จำเป็น
ในกรณีที่อาการรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั้งหมด การผ่าตัดเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับข้อต่อสลักเพชรอาจเป็นทางเลือก
อาการปวดสลักเพชรหรือสลักเพชรจมเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน การดูแลรักษาที่เหมาะสมและท่าทางการนั่งหรือยืนที่ถูกต้องสามารถช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการปวดสลักเพชรได้ หากมีอาการปวดรุนแรงควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนและฟื้นฟูความแข็งแรงของข้อต่อ
สัมผัสประสบการณ์ Blumed
บลู เมดิแคร์ เจเเปน (Blue Medicare Japan) หรือ BluMed ดำเนินการโดย บริษัท บลู แอสซิสแท็นซ จำกัด ก่อตั้งขึ้นภายใต้แนวคิดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการจัดการท่องเที่ยวเพื่อมุ่งเน้นในการป้องกันการดูแลสุขภาพ ชะลอการเจ็บป่วย รวมไปถึงการรักษาโรคแก่ผู้รับบริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
BluMed ได้ร่วมมือกับคลินิกทางการแพทย์ที่ญี่ปุ่น ในการให้คำปรึกษาและจัดการความเจ็บปวดอย่างเหมาะสม ตามอาการของแต่ละบุคคล สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ : 02-661-7686
Website : blumedth.com
Line official : @blumed