โรคโมยาโมย่า (Moyamoya Disease) หรือ หลอดเลือดที่ผิดปกติ หมายถึงหลอดเลือดที่ร่างกายสร้างขึ้นใหม่โดยมีลักษณะโครงสร้างที่ไม่ปกติ ซึ่งมักเกิดขึ้นในบริเวณที่มีการอักเสบหรือบาดเจ็บเรื้อรัง เช่น ข้อไหล่ หลัง หรือเข่า ภาวะนี้เป็นกลไกของร่างกายในการพยายามซ่อมแซมเนื้อเยื่อ โดยการส่งเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงบริเวณที่บาดเจ็บ แต่ในบางกรณีหลอดเลือดที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้นไม่ได้เชื่อมโยงกับระบบไหลเวียนเลือดอย่างถูกต้อง หรือมีโครงสร้างที่บิดเบี้ยวผิดปกติ ส่งผลให้เกิดแรงกดทับหรือกระตุ้นเส้นประสาทความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง
โรคโมยาโมย่าคืออะไร
หลอดเลือดที่มีปัญหา หรือ “Problem Blood Vessels” หลอดเลือดขนาดเล็กที่ก่อตัวขึ้นอย่างผิดปกติในบริเวณที่มีอาการปวดเรื้อรัง เช่น ไหล่ติด ปวดหลัง ปวดเข่า หรือข้ออักเสบต่าง ๆ โดยหลอดเลือดเหล่านี้อาจมีบทบาทในการส่งผ่านสัญญาณความเจ็บปวดผ่านเส้นประสาทที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้อาการปวดเรื้อรังคงอยู่แม้ไม่มีการอักเสบอย่างเห็นได้ชัด
ลักษณะของโรคโมยาโมย่า
หลอดเลือดที่มีปัญหา หรือที่เรียกว่า “หลอดเลือดที่ผิดปกติ” เป็นลักษณะของหลอดเลือดที่ก่อตัวขึ้นอย่างไม่เป็นระเบียบในร่างกาย โดยเฉพาะในบริเวณที่มีการอักเสบเรื้อรัง เช่น บ่า หลัง หรือเข่า หลอดเลือดเหล่านี้ไม่ได้เชื่อมโยงกับระบบไหลเวียนเลือดหลักของร่างกาย จึงไม่สามารถทำหน้าที่ลำเลียงเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมักมีรูปร่างบิดเบี้ยวหรือคดเคี้ยวผิดจากลักษณะปกติ
สิ่งที่น่าสนใจคือ หลอดเลือดประเภทนี้สามารถกระตุ้นหรือรบกวนเส้นประสาทโดยรอบ จนก่อให้เกิดอาการปวดแบบเรื้อรัง ซึ่งไม่สามารถอธิบายสาเหตุได้จากการตรวจด้วยวิธีทั่วไป เช่น MRI หรือ X-ray และไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นการทานยา ฉีดยา หรือทำกายภาพบำบัด ด้วยเหตุนี้ การตรวจและรักษาหลอดเลือดผิดปกติเหล่านี้จึงจำเป็นต้องใช้เทคนิคเฉพาะทางที่สามารถมองเห็นความผิดปกติระดับเส้นเลือดเล็ก ๆ ได้อย่างแม่นยำ
สาเหตุและการเกิดโรคโมยาโมย่า
สาเหตุของโรคโมยาโมย่ายังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีการเชื่อมโยงกับพันธุกรรมและการกลายพันธุ์ของยีน โดยเฉพาะในกลุ่มคนเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน โรคนี้มีอัตราการเกิดที่สูงกว่าในประชากรเอเชียมากกว่าประชากรในพื้นที่อื่น ๆ สาเหตุของการเกิดหลอดเลือดผิดปกติมักเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการอักเสบเรื้อรัง ความเครียดของกล้ามเนื้อจากการใช้งานซ้ำ ๆ การไหลเวียนเลือดที่ไม่เพียงพอ หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามวัย เมื่อหลอดเลือดเหล่านี้สะสมในเนื้อเยื่อหรือข้อ จะทำให้เกิดอาการเจ็บปวดเรื้อรังที่รักษาได้ยากด้วยวิธีปกติ และบางครั้งอาจตรวจพบได้ยากจากการตรวจร่างกายทั่วไป
อาการของโรคโมยาโมย่า หรือ หลอดเลือดที่มีปัญหา
อาการของโรคโมยาโมย่า มักแสดงออกในลักษณะของ “อาการปวดเรื้อรัง” ที่ไม่สามารถหาสาเหตุได้ชัดเจนจากการตรวจร่างกายทั่วไป โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่พบรอยโรคที่กระดูก กล้ามเนื้อ หรือข้อต่อ ลักษณะเด่นของอาการเหล่านี้ คือ ความเจ็บปวดที่มักเกิดเฉพาะจุด เช่น ไหล่ หลัง เข่า หรือบริเวณข้ออื่น ๆ ซึ่งอาการปวดนี้เกิดจากการที่มี “หลอดเลือดผิดปกติ” ไปกระตุ้นปลายประสาทใต้ผิวหนังหรือในเนื้อเยื่อโดยรอบ โดยหลอดเลือดเหล่านี้อาจมีรูปร่างบิดเบี้ยว ขยายตัว หรือเจริญผิดที่ จนส่งผลให้เกิดการระคายเคืองหรือกดทับเส้นประสาท ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากหลอดเลือดที่ผิดปกติ มักไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไป เช่น การกินยา การนวด หรือกายภาพบำบัด และในบางรายอาการอาจเป็นมานานหลายเดือนหรือหลายปีโดยไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง จนกระทั่งได้รับการวินิจฉัยว่าเกิดจากปัญหาหลอดเลือดผิดปกติในบริเวณนั้น
อาการเริ่มแรกที่ควรสังเกต
เริ่มจากความรู้สึกไม่สบายหรือปวดแบบเรื้อรังในบางบริเวณของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ใช้เคลื่อนไหวบ่อย เช่น ไหล่ หลัง เข่า หรือสะโพก อาการอาจไม่ได้รุนแรงในช่วงแรก แต่จะมีลักษณะเป็นๆ หายๆ และมักไม่ดีขึ้นแม้ได้รับการรักษาทั่วไป เช่น พักผ่อน นวด หรือใช้ยาแก้ปวดเบื้องต้น ความเจ็บปวดเหล่านี้อาจรู้สึกคล้ายการตึงกล้ามเนื้อ หรืออักเสบแบบอ่อนๆ แต่ต่างจากอาการของโรคกล้ามเนื้อหรือข้อตรงที่ไม่มีอาการบวม แดง หรือร้อน
วิธีการรักษาโรคโมยาโมย่า
เทคนิคการใส่สายสวน หรือ TAME
Transcatheter Arterial Micro Embolization (TAME) คือเทคนิคทางการแพทย์ที่ใช้เพื่อรักษาความผิดปกติของหลอดเลือด โดยการใส่สารอุดหลอดเลือดขนาดเล็กผ่านสายสวน (catheter) เข้าไปยังหลอดเลือดเป้าหมาย เพื่อปิดกั้นการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดที่ผิดปกติหรือหลอดเลือดที่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดเรื้อรัง
การใช้วิธีสอดสายสวนเป็นแนวทางรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับหลอดเลือดที่ทำงานผิดปกติ โดยการนำสายขนาดเล็กเข้าไปยังตำแหน่งที่มีความผิดปกติ เพื่อฟื้นฟูการไหลเวียนของเลือดให้กลับมาเป็นปกติ เทคนิคนี้ช่วยให้เข้าถึงหลอดเลือดเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำ ลดความจำเป็นในการผ่าตัดแบบเปิด และเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรังหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาวิธีอื่น เช่น การใช้ยา หรือกายภาพบำบัด
ข้อดีของการรักษาด้วย TAME (Transcatheter Arterial Micro Embolization) มีดังนี้
-
รุกรานน้อย (Minimally Invasive): การรักษาด้วย TAME ไม่ต้องผ่าตัดแบบเปิด เพียงใช้สายสวนขนาดเล็ก ทำให้เจ็บตัวน้อย และไม่ทิ้งรอยแผลขนาดใหญ่
-
ฟื้นตัวเร็ว: ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น เมื่อเทียบกับการผ่าตัดใหญ่
-
แม่นยำสูง: การใส่สารอุดหลอดเลือดจะกำหนดเป้าหมายเฉพาะบริเวณที่มีปัญหา ทำให้ลดผลกระทบต่อเนื้อเยื่อปกติรอบข้าง
-
ลดอาการปวดเรื้อรัง: เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดข้อเรื้อรัง เช่น ไหล่ติด หรือข้อเข่าเสื่อม ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไป
-
ความเสี่ยงต่ำ: เนื่องจากเป็นการรักษาแบบไม่ต้องเปิดแผลขนาดใหญ่ ความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจึงน้อย
-
สามารถทำซ้ำได้: ในกรณีที่จำเป็น การรักษาด้วยวิธีนี้สามารถทำซ้ำได้อย่างปลอดภัย
ข้อควรปฏิบัติหลังเข้ารับการรักษา
หลังการรักษาหลอดเลือดที่มีปัญหาด้วยการใส่สายสวน (Transcatheter Arterial Micro Embolization – TAME) ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้:
-
พักฟื้นในโรงพยาบาล: หลังการรักษาผู้ป่วยควรนอนพักในโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์เฝ้าระวังอาการอย่างน้อย 1 คืน และตรวจสอบภาวะแทรกซ้อน
-
หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก: ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงมากหรือทำให้เกิดการบาดเจ็บบริเวณขาหนีบ (ตำแหน่งที่ใส่สายสวน) เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
-
รับประทานยาอย่างเคร่งครัด: ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการรับประทานยา เพื่อช่วยในกระบวนการฟื้นฟู
-
ติดตามผลกับแพทย์: ควรเข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อประเมินผลการรักษาและติดตามอาการ
-
สังเกตอาการผิดปกติ: หากมีอาการบวม แดง ร้อน หรือเจ็บที่ขาหนีบ หรือมีไข้สูง ควรรีบติดต่อแพทย์ทันที
หลังการรักษาหลอดเลือดที่มีปัญหาด้วยการใส่สายสวน (TAME) ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย รวมถึงการควบคุมอาการต่างๆ และตรวจสอบผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น การพักผ่อนและการหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วงแรกหลังการรักษาเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้การติดตามผลการรักษาและการตรวจร่างกายตามคำแนะนำของแพทย์ยังช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนและช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณภาพ
BluMed ได้ร่วมมือกับคลินิกทางการแพทย์ที่ญี่ปุ่น ในการให้คำปรึกษาและจัดการความเจ็บปวดอย่างเหมาะสม ตามอาการของแต่ละบุคคล ดำเนินการโดยบริษัทบริษัท บลู แอสซิสแท็นซ์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นภายใต้แนวคิดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการจัดการท่องเที่ยวเพื่อมุ่งเน้นในการป้องกันการดูแลสุขภาพ ชะลอการเจ็บป่วย รวมไปถึงการรักษาโรคแก่ผู้รับบริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 02-661-7686
Website : blumedth.com/
Line official : @blumed