รู้จักกับอาการปวดข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome): สาเหตุ การรักษา และวิธีป้องกัน

อาการปวดข้อมือหรือที่เรียกว่า Carpal Tunnel Syndrome (CTS) เป็นภาวะที่เกิดจากเส้นประสาทมีเดียน (median nerve) ที่ผ่านช่องว่างในข้อมือที่เรียกว่าช่องคาร์ปัล (carpal tunnel) ถูกกดทับ ทำให้เกิดอาการปวด ชา หรืออ่อนแรงบริเวณข้อมือและนิ้วมือ มักเกิดกับผู้ที่ใช้ข้อมืออย่างหนักซ้ำ ๆ เช่น ผู้ที่ทำงานคอมพิวเตอร์นาน ๆ การทำงานที่ต้องใช้แรงข้อมือบ่อย ๆ หรือต้องงอข้อมือในมุมที่ไม่เหมาะสม อาการนี้เป็นที่พบเห็นบ่อยในวัยทำงานและมักมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ที่ต้องใช้งานมือเป็นประจำ การรู้จักสาเหตุ การรักษา และวิธีป้องกันจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งเพื่อป้องกันการเกิดอาการนี้และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ที่มีความเสี่ยง

รู้จักกับอาการปวดข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome)

รู้จักกับอาการปวดข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome)

Carpal Tunnel Syndrome เกิดจากเส้นประสาทมีเดียนถูกกดทับในช่องคาร์ปัล ซึ่งเป็นช่องแคบที่ประกอบด้วยกระดูกและเอ็นที่ข้อมือ เส้นประสาทมีเดียนมีหน้าที่ควบคุมความรู้สึกและการเคลื่อนไหวของนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางส่วนใหญ่ หากเส้นประสาทนี้ถูกกดทับ อาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น

  • อาการชาและปวด – เริ่มจากอาการชาหรือปวดที่นิ้วมือ นิ้วหัวแม่มือ และข้อมือ โดยเฉพาะในเวลากลางคืนหรือเมื่อต้องใช้มือทำงานนาน ๆ
  • อ่อนแรง – ผู้ป่วยอาจรู้สึกว่านิ้วอ่อนแรง หยิบจับของได้ยาก และมีแนวโน้มที่สิ่งของจะหลุดจากมือ
  • มีอาการลั่นและเสียวในข้อมือ – บางครั้งอาจรู้สึกว่าข้อมือลั่นหรือเกิดความรู้สึกเสียว ๆ บริเวณข้อมือ

Carpal Tunnel Syndrome มีความสัมพันธ์กับปัจจัยทางกายภาพและการใช้งานข้อมือที่ผิดวิธี เช่น การนั่งทำงานคอมพิวเตอร์โดยไม่มีการพัก การยกของหนัก หรือการทำงานที่ต้องใช้งานข้อมืออย่างต่อเนื่องนาน ๆ

แนวทางการรักษาอาการปวดข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome)

แนวทางการรักษาอาการปวดข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome)

1. การรักษาเบื้อง

  • การพักผ่อนและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม – ควรหลีกเลี่ยงการใช้ข้อมือที่ต้องออกแรงมากหรือนานเกินไป หากรู้สึกว่ามีอาการเจ็บ ควรพักข้อมือหรือเปลี่ยนท่าทางในการทำงาน
  • การใช้แผ่นพยุงข้อมือ – การใส่แผ่นพยุงข้อมือ (wrist splint) จะช่วยป้องกันการงอข้อมือและลดการกดทับของเส้นประสาท โดยเฉพาะในช่วงเวลานอนหลับ

2. การทำกายภาพบำบัด

การทำกายภาพบำบัดช่วยในการฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของข้อมือและเส้นประสาท รวมถึงช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณข้อมือ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างยั่งยืน โดยการทำกายภาพบำบัดจะช่วยลดการอักเสบและความเจ็บปวดในบริเวณข้อมือ

3. การใช้ยา

ในกรณีที่มีการอักเสบหรือความเจ็บปวดรุนแรง แพทย์อาจแนะนำการใช้ยาแก้ปวดหรือยาต้านการอักเสบ เช่น ยา NSAIDs เพื่อลดการบวมและการอักเสบในบริเวณเส้นประสาทมีเดียน

4. การฉีดยา

หากการรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล แพทย์อาจแนะนำการฉีดยาคอร์ติโคสเตอรอยด์ (corticosteroid) เพื่อบรรเทาการอักเสบและลดการกดทับของเส้นประสาท ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้น

5. การผ่าตัด

ในกรณีที่อาการรุนแรงหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้น การผ่าตัดอาจเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุด การผ่าตัดนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายช่องคาร์ปัลและลดการกดทับของเส้นประสาท วิธีการผ่าตัดสามารถทำได้โดยการผ่าตัดเปิด (open release surgery) หรือการผ่าตัดผ่านกล้อง (endoscopic surgery) ซึ่งผู้ป่วยจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและลดอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

วิธีป้องกันอาการปวดข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome)

  • การปรับท่าทางในการทำงาน

การนั่งทำงานโดยรักษาท่าทางที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิด Carpal Tunnel Syndrome ควรใช้เก้าอี้ที่รองรับกระดูกสันหลังและปรับระดับโต๊ะทำงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับความสูงของผู้ใช้งาน

  • การพักการใช้งานข้อมือเป็นระยะ ๆ

ควรพักการทำงานที่ต้องใช้ข้อมือทุก ๆ 30 นาที โดยการเปลี่ยนท่าทางหรือยืดเหยียดข้อมือ การหยุดพักจะช่วยให้กล้ามเนื้อและเส้นประสาทได้ผ่อนคลายและลดความตึงเครียด

  • การบริหารข้อมือและนิ้วมือ

การออกกำลังกายข้อมือและนิ้วมือ เช่น การหมุนข้อมือ ยืดนิ้ว และงอนิ้ว จะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและลดการกดทับของเส้นประสาทได้

  • การเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม

หากใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ควรใช้แป้นพิมพ์และเมาส์ที่ออกแบบมาให้รองรับข้อมือ รวมถึงใช้แผ่นรองข้อมือเพื่อช่วยลดการกดทับขณะใช้งาน

  • การหลีกเลี่ยงการทำงานที่มีการใช้ข้อมือหนักเกินไป

การหลีกเลี่ยงการยกของหนักด้วยข้อมือ หรืองอข้อมือบ่อย ๆ เป็นวิธีการที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการ Carpal Tunnel Syndrome ได้

 

Carpal Tunnel Syndrome หรืออาการปวดข้อมือ เป็นภาวะที่เกิดจากการกดทับเส้นประสาทมีเดียนซึ่งทำให้เกิดอาการปวด ชา หรืออ่อนแรงในบริเวณข้อมือและนิ้วมือ การรักษาอาการนี้มีหลายวิธีตั้งแต่การปรับพฤติกรรม การใส่แผ่นพยุงข้อมือ การทำกายภาพบำบัด ไปจนถึงการผ่าตัดในกรณีที่อาการรุนแรง การป้องกันอาการ Carpal Tunnel Syndrome นั้นสำคัญและสามารถทำได้โดยการปรับท่าทางในการทำงาน พักข้อมือเป็นระยะ และการบริหารข้อมือและนิ้วมืออย่างสม่ำเสมอ การดูแลและป้องกันตนเองจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการปวดข้อมือและส่งเสริมสุขภาพการใช้งานมืออย่างยั่งยืน

 

สัมผัสประสบการณ์ Blumed

สัมผัสประสบการณ์ Blumed

บลู เมดิแคร์ เจเเปน (Blue Medicare Japan) หรือ BluMed ดำเนินการโดย บริษัท บลู แอสซิสแท็นซ จำกัด ก่อตั้งขึ้นภายใต้แนวคิดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการจัดการท่องเที่ยวเพื่อมุ่งเน้นในการป้องกันการดูแลสุขภาพ ชะลอการเจ็บป่วย รวมไปถึงการรักษาโรคแก่ผู้รับบริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

 

BluMed ได้ร่วมมือกับคลินิกทางการแพทย์ที่ญี่ปุ่น ในการให้คำปรึกษาและจัดการความเจ็บปวดอย่างเหมาะสม ตามอาการของแต่ละบุคคล สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่

 

เบอร์โทรศัพท์ : 02-661-7686

Website : blumedth.com

Line official : @blumed

Share the Post:

Related Posts

อาการปวดหัวเข่าเป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้คนทุกช่วงวัย โ […]

Dr. Yuji Okuno is a highly respected figure in the fiel […]

ในยุคที่การทำงานภายในออฟฟิศหรือการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ก […]

อาการปวดข้อเท้าเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้ทั่วไป และส่งผลกร […]